เลือกหมวดหมู่ร้านที่ชอบ

ธรรมชาติ & แคมป์ปิ้ง
อาร์ต สเปซ & แกลลอรี่
เกาหลี
เบเกอรี่ ขนมหวาน & ช็อกโกแลต
เพทส์ เฮาส์
โคเวิร์คกิ้งสเปซ & Coffee Learning
ยุโรป
สไตล์ไทย & ล้านนา
ครีเอทีฟ
มินิมอล & โฮมมี่
ญี่ปุ่น


“หาง่าย เจอได้ ในเว็บเดียว”
รวบรวมร้านกาแฟ คาเฟ่และเบเกอรี่ต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่

เรียนรู้เกี่ยวกับกาแฟ

post
5 ร้านกาแฟสันทรายน่าไป

 

หากใครที่กำลังอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวในเชียงใหม่แบบเดิมๆ ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายไปผ่อนคลายให้ห่างไกลจากตัวเมือง แต่ก็ยังมองหาร้านคาเฟ่ชิลๆ นั่งเพลิน ไปควบคู่กัน

วันนี้ทาง Cafe CNX อยากที่จะพาทุกคนขับรถเล่นไปยังอำเภอสันทราย จิบชา ดื่มกาแฟเบาๆ กับคาเฟ่ปังๆ 5 ร้าน ที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มาถึง!! จะมีที่ใดบ้าง...เราไปชมกันเลยยยยย

 

1. The Forest Friends Chiangmai เพื่อนป่าคาเฟ่

 

คาเฟ่ยอดนิยมย่านสันทราย ให้บริการทั้งขนม อาหารทานเล่นและเครื่องดื่ม มีทั้งโซน indoor และ outdoor ใก้ลูกค้าเลือกนั่ง บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น เย็นสบาย นั่งจิบกาแฟชิลๆ เพลิดเพลินไปกับการรับลมเย็นใต้ร่มไม้ มองดูปลาคาร์ฟที่ว่ายไปมา

 

 

 

2. Bualuang Studio Coffee (อีฟ บัวหลวง สตูดิโอ คาเฟ่) 

 

ร้านคาเฟ่สไตล์อบอุ่น เงียบสงบ เหมาะกับการนั่งพักผ่อนจิบชาเงียบๆ กับหนังสือดีๆ สักเล่มใต้ร่มไม้ ด้วยความที่ตัวร้านนั้นนำบ้านเก่ามารีโนเวทเป็นร้านกาแฟ บรรยากาศภายในร้านจึงเหมือนกับการได้นั่งพักผ่อนอยู่ในสวนบ้านของตัวเอง ทางร้านยังมีขนมโฮมเมดแสนอร่อยสไตล์คุณแม่และเครื่องดื่มให้บริการในราคาย่อมเยาอีกด้วย

 

 

 

3. ผลิ Phli x Khaosoi (ผลิ)

 

คาเฟ่มินิมอล สไตล์เกาหลีที่ตั้งอยู่ในอำเภอสันทราย จุดเช็คอินยอดฮิตของวัยรุ่น ร้านคาเฟ่แห่งนี้ออกแบบได้น่ารัก ไม่ว่าจะเดินไปทางมุมไหน ก็มีรูปไปอัพลงโซเชียลมีเดียให้คนอื่นได้ชมได้แน่นอน มีทั้งโซน indoor และ outdoor ให้เลือกนั่ง ขนมและเครื่องดื่มราคามากมาย นอกจากนั้นยังมีเมนูยอดนิยมอย่างข้าวซอยเนื้อและข้าวซอยกุ้งทอด ที่เมื่อมาถึงคาเฟ่แล้วไม่ควรพลาดเด็ดขาด

 

 

 

4. Soul Cafe’

 

ร้าน Soul Cafe’ เป็นร้านกาแฟสไตล์ Loft เท่ห์ๆ ด้วยผนังสีเทาและหินสีขาว มีทีเด็ดในเรื่องกาแฟ แต่เครื่องดื่มอื่นๆ ภายในร้านก็ยังดีไม่แพ้กัน  นอกจากนี้ยังมีขนมและเบเกอร์รี่โฮมเมดให้เลือกซื้อ เลือกชิม มีมุมถ่ายรูปชิคๆ ที่เมื่อมาถึงไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปเช็คอิน ลูกค้าสามารถมาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งทำงานสบายๆ เสพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวลของกาแฟและเบเกอร์รี่หอมกรุ่นจากเตา 

 

 

 

5. Tree&co (ทรีแอนด์โค)

 

ร้านกาแฟสุดชิคภายในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ที่บริการทั้งขนมและเครื่องดื่มหลากหลายในราคาย่อมเยาและเป็นมิตร นอกจากมุมนั่งสบายๆ พูดคุยกัน ยังมีมุมสำหรับทำงานและอ่านหนังสือ อย่าง co-working space ให้ลูกค้าได้เลือกนั่งอีกด้วย

 

อ่านเพิ่มเติม
post
Slow bar coffee คืออะไรทำไมคอกาแฟถึงชอบ

Slow Bar คือการใช้วิธีชงแบบ ‘Hand Brewing’ เน้นการใช้อุปกรณ์การชงกาแฟที่ไม่ใช้ไฟฟ้า และใช้แรงมือของคนในการสกัดกาแฟออกมาในกรรมวิธีต่างๆ ตามอุปกรณ์ที่ใช้ เช่น Drip, French Press, Moka Pot และอื่นๆ

ซึ่งจะแตกต่างจากร้านทั่วไปที่ใช้ Machine หรือเครื่องชงกาแฟใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคยกันทุกอย่างจะใช้มือทำหมดเลย บางคนก็มักเรียกว่า ‘Slow Coffee’ หรือ ‘Craft Coffee’ เนื่องจากคล้ายกับงานฝีมือที่ต้องอาศัยเวลาและความพิถีพิถัน กาแฟที่ออกมาแต่ละแก้วจึงค่อนข้างจะใช้เวลา ตั้งแต่ 10 – 20 นาที


.

.

Credit: https://www.bkkmenu.com/eat/stories/coffee-guide-how-to-order-coffee-like-a-pro-part-li.html 

.

อ่านเพิ่มเติม
post
5 ร้านกาแฟน่าไปในตัวเมืองเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ในตอนนี้มีคาเฟ่หรือร้านกาแฟมากมายนับไม่ถ้วน แต่บางครั้งการเดินทางไปคาเฟ่สวยๆนอกตัวเมืองนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทั้งชีวิตเราที่จำกัดทั้งเวลาทั้งวิธีการเดินทาง วันนี้เราจึงอยากมาแนะนำ 5 คาเฟ่ในตัวเมืองเชียงใหม่ที่เดินทางไปได้ง่าย สะดวกสบาย มีกาแฟรสชาติดีให้ได้ลิ้มลอง รวมถึงบรรยากาศที่น่านั่ง หลากมุมถ่ายรูปอีกด้วย

 

 

1. Taste Cafe

 

 

2. Romano Coffee Studio

 

 

3. Baristo Asian Style

 

 

4. es•pe•cial Coffee Bar

 

 

5. Gateway Coffee Roaster

 

อ่านเพิ่มเติม
post
ทำความรู้จักกับเมล็ดกาแฟ 4 ชนิด 4 สไตล์

ในปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับต้นๆที่คนไทยนึกถึง แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักชนิดของเมล็ดกาแฟก่อนที่จะถูกนำไปแปรรูปเป็นสินค้าให้ได้บริโภคกัน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรสชาติกาแฟแก้วโปรดด้วยตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น บทความนี้จะแนะนำคุณให้รู้จักกับเมล็ดกาแฟที่ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งหมด 4 ชนิด ดังนี้

 

 

1. อราบิก้า (Arabica)

เมล็ดกาแฟอราบิก้าเป็นเมล็ดกาแฟที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด โดยเป็นพันธุ์ที่ผลิตกันมากที่สุด เมล็ดกาแฟชนิดนี้ต้องปลูกบนที่สูงในพื้นที่ที่มีฝนตกสม่ำเสมอและมีร่มเงาเพียงพอ

อาราบิก้าเต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอม เมล็ดกาแฟอาราบิก้าถือเป็นชนิดเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงที่สุด ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่กลมกล่อม มีมิติ

 

2. โรบัสต้า (Robusta)

เมล็ดกาแฟโรบัสต้าผลิตมากเป็นอันดับสองของโลก เมล็ดกาแฟชนิดนี้จะเติบโตได้ดีที่สุดในสภาพอากาศร้อนและมีฝนตกชุก และสามารถเติบโตได้ในระดับความสูงต่างๆ เช่นกัน โรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าเมล็ดกาแฟอาราบิก้าเป็นสองเท่า 

กาแฟโรบัสต้าจะเข้มข้นและขม แต่ไม่ค่อยติดรสชาติเปรี้ยว มักมีกลิ่นแรงและมีรสค่อนข้างแบน ให้กลิ่นไหม้นิดๆ

 

3. ลิเบอริก้า (Liberica)

เมล็ดกาแฟลิเบอริก้าถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟชนิดหนึ่งที่หาได้ยากที่สุด ขนาดของเมล็ดใหญ่กว่าเมล็ดกาแฟชนิดอื่นๆ

เมล็ดกาแฟลิเบอริก้ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ให้กลิ่นอโรม่านิดๆทั้งยังให้กลิ่นผลไม้และดอกไม้ด้วย มีรสชาติเฝื่อนตบท้าย รสชาติของกาแฟชนิดนี้ขึ้นชื่อว่าหากไม่รักรสชาติของมันก็มักจะเกลียดรสชาติของเมล็ดกาแฟชนิดนี้ไปเลย 

 

4. เอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa)

แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกของเมล็ดและรสชาติใกล้เคียงกับโรบัสต้า แต่เอ็กเซลซ่ากลับไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายเท่ากับโรบัสต้า

ในแง่ของรสชาติ เมล็ดกาแฟเอ็กซ์เซลซ่าค่อนข้างมีเอกลักษณ์ มีรสชาติติดกลิ่นผลไม้ มีกลิ่นหอมและคาเฟอีนที่เบากว่าเมล็ดชนิดอื่นๆ

 

อ่านเพิ่มเติม
post
Coffee: Dry vs. Washed Process

Coffee: Dry vs. Washed Process
กระบวนการทำเมล็ดกาแฟส่งผลให้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันอย่างไร?

 

Dry Process (แบบแห้ง)


เป็นกระบวนการที่นำผลเชอรี่สุกงอมไปตากให้แห้งก่อนที่จะทำการแยกเยื่อและเมล็ดออกจากกัน โดยต้องตากเมล็ดกาแฟที่ได้ให้แห้งอย่างสม่ำเสมอ โดยจะใช้เวลาในการตาก 2-3 สัปดาห์

เมล็ดกาแฟที่ผ่านการตากจากกระบวนการแบบแห้งนั้นจะมีรสชาติที่เข้มข้น เต็มไปด้วยเนื้อสัมผัส มีกลิ่นคล้ายกับผลไม้สุกหรือไวน์ เนื่องจากเมล็ดกาแฟไม่ได้ผ่านการชะล้างด้วยน้ำ จึงทำให้เมล็ดกาแฟดูดซับสารต่างๆได้อย่างเต็มที่

 

 

 

 

Washed Process (แบบเปียก)


เป็นการนำผลของกาแฟไปล้าง ปอกเปลือก ล้างเมือก นำไปหมัก และจึงค่อยนำไปตากเพื่อไล่ความชื้น สุดท้ายนำไปคั่วตามที่ต้องการ

กระบวนการแบบเปียกจะทำให้รสชาติและกลิ่นของกาแฟนั้นชัดเจนเข้มข้น ซึ่งจะให้ผลิตภัณฑ์ที่มีความสม่ำเสมอมากกว่าแบบแห้ง

 

Credit: Café de Colombia

 

 

 

อ่านเพิ่มเติม
post
5 คาเฟ่แนะนำในแม่แตง

หากคุณกำลังตามหาคาเฟ่ในเชียงใหม่นั้น แน่นอนว่าทุกคนก็จะเล็งหาแต่คาเฟ่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากมีคาเฟ่มากมาย สะดวกต่อการเที่ยวชม

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเรา Cafecnx อยากจะชวนและแนะนำคาเฟ่ที่อยู่นอกตัวเมืองให้เพื่อนๆได้ชมกันบ้างง อย่างเช่นอำเภอแม่แตงของเรานั่นเองง ร้านกาแฟแถวแม่แตงนั้น ถือว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่พอสมควร เนื่องจากมีให้เลือกมากมาก หลากหลายสไตล์ อีกทั้งยังมีเสน่ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นสายถ่ายรูป สายกิน สายชาเขียวหรือกาแฟ ก็สามารถมาเที่ยวชมกันได้.. ถ้าอยากรู้ว่าจะมีคาเฟ่อะไรบ้าง เราไปรู้จักกับที่แรกกันเลย !!!

 

ไร่ชาลุงเดช

คาเฟ่สายป่าเขา ต้องลองเลย เพราะนอกจากกาแฟและขนมเค้กยังอร่อยแล้ว วิวป่าเขาก็สวยงามมากเช่นกัน ยิ่งหากเป็นช่วงฤดูหนาว จะมีหมอกหนาปกคลุมไปทั่วเขาสวยงามมากเลยทีเดียว นอกจากนั้น ที่ไร่ชาลุงเดชยังมีกิจกรรมสนุกๆให้ได้ทำกันอีกด้วย นั่นก็คือ การเก็บใบชานั่นเองง นอกจากจะได้ประสบการณืการเก็บใบชาแล้ว ยังได้ถ่ายรูปสวยไปอวดเพื่อนๆกันอีกด้วย 

และที่นี่ยังมีอาหาร ขนมเค้กและเครื่องดื่มที่สายชาเขียวไม่ควรพลาด นอกจากลุงเดชเจ้าของไร่จะมาชงชาให้ชิมกันแล้ว เมนูอาหารที่ทุกคนควรลองเลยนั่นก็คือ ใบชาทอด ที่เป็นใบชาจากสวนของลุงเองเลยย เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่แปลกใหม่ที่ทุกคนควรลอง หากใครเป็นสายธรรมชาติ แนะนำร้านนี้เลยย!!!

 

Elely Cafe’ Mae Ping Bistro (แอลลี่ คาเฟ่)

คาเฟ่ที่สายชิวๆ รักสัตว์ รักธรรมชาติควรมา!! คาเฟ่นี้ ไม่เพียงแต่จะมีจุดขายที่เป็นธรรมชาติ มีสายน้ำลำธาร จุดเด่นที่ทำให้คาเฟ่นี้แตกต่างจากที่อื่น นั่นก็คือ น้องช้าง !! ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชม มาป้อนอาหารช้าง ยังไม่พอ ยังมีน้องหมาอีกมากมายที่มาต้อนรับทุกคนยันหน้าร้านเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ขนมละเครื่องดื่มของร้านนี้ยังมีรสชาติที่อร่อยอีกด้วย ได้นั่งจิบกาแฟริมน้ำแม่ปิง บรรยากาศสบายๆ และยังมุมมินิมอลสไตล์โคเรียให้ได้เซลฟี่กันอีกด้วย

 

คิดถึงวิทยา คอฟฟี่

ร้านกาแฟสไตล์มินิมอลเล็กๆ ที่มีจุดขายของร้านก็คือ ขนมปังโฮมเมท และเครื่องดื่มที่มีราคาถูก หากใครเป็นสายกิน เราแนะนำที่นี่เลย ขนมปังของทางร้านมีความเป็น unique รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร ตกแต่งหน้าเค้กน่ากิน น่ารักแบบมินิมอล และเครื่องดื่ม ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยสุดๆ กาแฟรสชาติเข้มข้น หวานมัน คนรักกาแฟและขนมโฮมเมทต้องมาลองง!!

 

ปางเปาบีช


อีกหนึ่งคาเฟ่ที่ทางเราอยากขอแนะนำ เป็นคาเฟ่ที่เอกลักษณ์สุดๆ เหมาะกับคนที่อยากจะไปนั่งริมทะเล แต่ไม่มีโอกาสได้ไป ที่นี่ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน!! นอกจากจะมีจุดเด่นที่เป็นที่นั่งริมทะเลแล้ว ร้านนี้ยังมีทั้งร้านอาหารที่มีเชฟระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว แน่นอนว่ารับประกันความอร่อยได้อย่างแน่นอน 

นอกจากนี้ ยังมีมุมถ่ายรูปอีกจุดนึง ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลค์นึงของทางร้าน นั่นก็คือ บันไดสวรรค์ นั่นเองง ซึ่งสูงถึง 5 เมตร เปรียบเสมือนเป็นบันไดที่กำลังเดินขึ้นไปสู่สวรรค์เลยทีเดียว หากใครอยากถ่ายรูปนั่งบันไดสีขาวแบบมินิมอลกับท้องฟ้าสวยๆ ต้องที่นี่เลย มุมถ่ยรูปยังไม่หมดแค่นั้น ที่นี่ยังมีสวนดอกไม้ที่บานตลอดทั้งปี สะพานแขวน รูปปั้นผลไม้ยักษ์ ฟาร์มแกะที่เราสามารถป้อนนมน้องแกะได้ และยังมีอุโมงผักปลอดสารพิษ สไลด์เดอร์โคน ชิงช้า แถมยังมีให้ขี่รถ ATV อีกด้วย เรียกได้ว่า ครบเครื่องครบครันจบในที่เดียว

 

Air diamond cafe & hotel


คาเฟ่สุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำ นั่นก็คือ Air diamond cafe & hotel เนื่องจากเป็นคาเฟ่ที่อยู่ในเครื่องแอบัส A330-300 ที่ปลดประจำการแล้วนั่นเอง !!!

คาเฟ่นี้เป็นที่นิยมอย่างมากในอำเภอแม่แตง เพราะลักษณะการตกแต่งและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร มีลักษณะโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก นอกจากนี้ ภายในยังเป็นร้านกาแฟ “แบล็คแคนยอน” และมีการจำลองบรรยากาศเหมือนการขึ้นเครื่องบินจริงๆอีกด้วย ทั้งการจำหน่ายตั๋ว ห้องพักผู้โดยสาร และมีแอร์โฮสเตสคอยให้บริการ คาเฟ่นี้ ยังมีร้านขายของที่ระลึกและมีที่พักอีกด้วย หากใครกำลังมองหาคาเฟ่ที่ unique และถ่ายรูปสวยๆ เราแนะนำที่นี่เลยย!!

 

เป็นยังไงกันบ้างกับคาเฟ่อำเภอแม่แตงของเรา น่าเที่ยวทั้ง 5 ที่เลยใช่มั้ยล่าา ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะ ยังมีคาเฟ่อีกมากมายที่รอทุกคนไปเที่ยวชมกันอยู่ 

หากเบื่อคาเฟ่ในตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว ทุกคนสามารถไปเที่ยวและลิ้มลองคาเฟ่ใหม่ๆนอกตัวเมืองกันได้ รับรองไม่มีผิดหวังง Cafecnx รับประกัน!!

อ่านเพิ่มเติม
post
5 ร้านกาแฟแม่ริมน่าลอง

เมื่อเรามาเที่ยวถึงจังหวัดเชียงใหม่ แน่นอนว่าทุกคนต้องไม่พลาดลิ้มลองอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือ หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่สายถ่ายรูป หรือคอกาแฟจะต้องถูกใจแน่นอน! นั่นก็คือ ร้านคาเฟ่แถวแม่ริมนั่นเองงง

วันนี้ Cafecnx ได้หยิบร้านคาเฟ่ที่แม่ริมมา 5 แห่งด้วยกัน ซึ่งมีการตกแต่งที่สวยงาม อาหารอร่อย ราคาไม่แพงอย่างที่คิด แถมบรรยากาศดี และได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติสุดๆ เรียกได้ว่าถูกใจสายเขียวอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูที่ร้านแรกกันเลยย!!!

 

  • Fleur Cafe & Eatery

 

คาเฟ่เปิดใหม่ 2021 สไตล์ธรรมชาติที่มาพร้อมกับสวนสวยๆ ในอำเภอแม่ริม ที่ชาว Cafe Hopper สายถ่ายรูปต้องชอบ เพราะร้านสวยมาก ถ่ายรูปสนุก บรรยากาศในสวนสุดแสนโรแมนติก มีทั้งต้นไม้ใบหญ้าที่ทำให้มองแล้วสบายตา มีโซนน้ำตกฟังเสียงน้ำไหลเพลินๆ ตัวร้านกว้างขวาง มีที่นั่งทั้งโซนคาเฟ่ และร้านอาหาร 

มีเมนูแนะนำคือ Blueberry Cheesecake ชีสเค้กสุดละมุน ทานคู่กับซอสบลูเบอร์รี่ที่ราดมาให้ ต้องบอกเลยว่าฟินสุดๆ สั่งกาแฟเพิ่ม แล้วหามุมนั่งชิลล์ ไปกันได้เลยที่ Fleur Cafe & Eatery

 

  • Chic 39

 

ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่ และโฮมสเตย์สไตล์ชนบท บรรยากาศดี เงียบสงบ และกว้างขวาง แถมยังอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้อีกด้วย โฮมสเตย์จะมีเพียง 4 ห้องเท่านั้น ภายในห้องจะเป็นสไตล์ฮิปสเตอร์ ที่มีวิวเป็นภูเขาล้อมรอบ เงียบสงบ หากใครเป็นสายฮิป ถ่ายรูปชิคๆ ร้านนี้ไม่ควรพลาด!

นอกจากนี้ อาหารคาวและหวานก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน เมนูมีหลากหลายสไตล์ โดยเฉพาะพิซซ่าโฮมเมดเตาถ่านที่ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีหน้าพิซซ่าให้เลือกกันอย่างจุใจ เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน หรือน้องกุ้ง ซึ่งเป็น Signature ของทางร้าน เรียกได้ว่าเพลิดเพลินกับอาหารและบรรยากาศกันเลยทีเดียว

 

  • Zombie Cafe

 

คาเฟ่ชื่อดังที่มีพื้นที่กว้างขวาง หลากหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นโซนร้านกาแฟบนอาคารไม้ 3 ชั้น จะได้วิวมุมสูง นั่งห้อยขาสบายๆ ชมธรรมชาติ อีกโซนจะเป็นนั่งจิบกาแฟเอาขาแช่น้ำเย็นๆเหมาะกับคนอยากนั่งชิลๆชมวิวน้ำตก หรือหากใครอยากนั่งตากแอร์ฉ่ำๆ เย็นสบาย ก็จะมีโซนคาเฟ่ที่เป็นห้องแอร์ ซึ่งมีที่นั่งทั้งข้างในและข้างนอก ทั้ง 3 โซนนี้ ต่างมีบรรยากาศสวยงามไม่แพ้กัน แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน

ส่วนเมนูของคาวแนะนำของทางร้าน ก็คือ ยำ Zombie เป็นยำต้นอ่อนทานตะวันกุ้งสดที่มีรสชาติจัดจ้าน สีสันสวยงาม และของหวานอย่างพานาคอตต้าราดซอสเบอร์รี่ และคัสตาร์ดวานิลาที่มีหน้าตาน่ารักสุดๆ หากใครที่ชื่นชอบบรรยากาศป่าๆเขาๆ ต้องร้านนี้เลยย!!!

 

  • Jungle De Cafe

 


ที่คาเฟ่นี้ เป็นคาเฟ่ที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะนอกจากจะเป็นคาเฟ่ที่อยู่ในป่าติดกับน้ำตกแล้ว ยังมีสวนสนุกให้เล่นกันอีกด้วย เรียกได้ว่าครบวงจรเลยทีเดียว สวนสนุกนี้ จะประกอบไปด้วยเครื่องเล่น Advanture มากมาย เช่น ซิปไลน์ ควิกจัมท์ โหนสลิง เป็นต้น ส่วนตัวคาเฟ่นั้น ก็จะตั้งอยู่ในป่าริมน้ำตก มีพื้นที่กว้างขวาง ทั้งโซน in door และ out door ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศเย็นสบาย สดชื่น ได้กลิ่นอายธรรมชาติและน้ำตกสุดๆ 


ส่วนของหวานและของคาวก็มีมากมายให้เลือกทาน เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต รวมถึงเค้กอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นกาแฟหลักร้อย แต่วิวหลักล้าน ดังนั้น ที่ Jungle De Cafe จะต้องโดนใจสายลุยๆ และสายธรรมชาติอย่างแน่นอน!!

 

  • ริมธาร นั่งเล่น คาเฟ่

 


คาเฟ่ริมธารอีกร้านที่ทางเรา Cafecnx ขอแนะนำ นั่นก็คือ ริมธาร นั่งเล่น คาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านที่มีบรรยากาศสดชื่น สามารถนั่งทานขนมได้ทั้งด้านในร้าน และด้านนอกริมธาร ใครที่อยากมาพักผ่อนสไตล์ธรรมชาติริมสายน้ำเย็นๆ ที่คาเฟ่นี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ผ่อนคลายสุดๆ

ส่วนอาหารคาวแนะนำของทางร้านก็เป็น ข้าวไก่ทอดริมธาร ข้าวซี่โครงหมูอบ และของหวาน คือ บานอฟฟี น้ำเสาวรสปั่น เป็นต้น นอกจากจะนั่งชิลๆเอาน้ำจุ่มน้ำเย็นๆแล้ว ก็สามารถดื่มด่ำกับอาหารและขนมหวานจากทางร้านได้อย่างเอร็ดอร่อย

อ่านเพิ่มเติม
post
Coffee Brewing กระบวนการสกัดกาแฟ

Coffee Brewing คือ กระบวนการหรือวิธีในการสกัดกาแฟซึ่งมันมีมากมายหลายวิธีมาก เช่น Drip coffee, Cold brew coffee, Intro Coffee, หรือ Syphon Coffee โดยใช้น้ำทำการสกัดสารต่างๆ ในผงกาแฟที่บดแล้ว โดยแต่ละอุปกรณ์ก็จะมีวิธีที่แตกต่างกัน วันนี้จะพามารู้จักวิธีการทำกาแฟแบบ “brewing using press” โดยการ brewing using press จะมีอยู่ 3 แบบ คือ 

Espresso Machine เครื่องชงกาแฟด้วยไอน้ำ เป็นการอัดไอน้ำ และน้ำร้อนที่ผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียด ให้รสชาติที่เข้มข้น ชัดเจน เป็นวิธีทำกาแฟที่นิยมแพร่หลาย หาดื่มได้ง่าย ตามร้านกาแฟแบรนด์ดังและร้านกาแฟอิสระ

Moka Pot คือ ตัวโมกาพ็อตมีลักษณะเป็นกาทรงสูงทำจากสเตนเลสที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ใส่น้ำร้อนที่โถด้านล่าง ปักกรวยกาแฟตามลงไป จากนั้นจึงประกบกับโถด้านบนซึ่งมีท่อแหลมเรียวทรงสูงนูนขึ้นมา พร้อมรู 2 รูด้านบนสุด วางโมกาพ็อตลงบนเตาไฟ กาแฟจะถูกแรงดันน้ำเดือดผ่านขึ้นมาตามท่อแหลม 2 รู การชงด้วยโมกาพ็อตจะนิยมใช้กาแฟที่บดกาแฟให้หยาบกลางๆ ไม่งั้นกาแฟจะขมเกิน โดยเครื่องโมกาพ็อตนี้เป็นที่นิยมในแถบยุโรปและลาตินอเมริกา 

และ Aeropress เป็นการใช้แรงดันอากาศ ดันกาแฟในน้ำร้อน ปิดด้วยกระดาษกรอง (Fliter) ที่มีรูขนาดเล็กกับฝาตะแกรง ใช้เวลาทำสั้นๆ ประมาณ 1-1.30 นาที ทำให้กาแฟถูกแช่ไว้ไม่นาน เร่งการสกัดด้วยแรงดัน ช่วยลดความขมในกาแฟ รสชาติจะใกล้เคียงกับการใช้ Espresso Machine ซึ่งข้อดีของแอโรเพรสคือพกพาสะดวก เพราะเป็นพลาสติกเกือบทั้งหมด เหมาะกับการเอาใส่กระเป๋าเดินทางไปเที่ยวได้

.

.

Credit:

https://www.facebook.com/bluekoff/posts/10156206601996790/ 

https://www.homegrounds.co/the-complete-guide-to-coffee-brewing-methods/

.

อ่านเพิ่มเติม
post
Cold Brew Coffee กาแฟสกัดเย็น

Cold Brew หรือ กาแฟสกัดเย็น เป็นการชงกาแฟด้วยน้ำเย็น ซึ่งเมล็ดกาแฟจะต้องถูกนำไปแช่น้ำอุณภูมิปกติ (หรือน้ำเย็น) ในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 12-24 ชั่วโมง เพื่อที่จะให้รสชาติที่อยู่ข้างในผงกาแฟค่อยๆถูกปล่อยออกมาอย่างนุ่มนวลไม่เร่งไม่รีบโดยใช้กาแฟคั่วบดกับน้ำในอัตราส่วน 1:20 จุดเด่นของกาแฟ Cold Brew คือ มีความเข้มข้น ผสมกับเครื่องดื่มอย่างอื่นได้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นนม หรือผสมกับน้ำเปล่า ใส่น้ำแข็ง และช็อกโกแลต กาแฟโคลด์บริวจะมีความหวานมากกว่ากาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อน เพราะน้ำเย็นจะไม่สกัดกรดออกมาจากผงกาแฟ รสชาติที่ได้จึงมีความละมุน หอมหวาน ดื่มง่าย 

.

.

Credit:

https://thomasthailand.co/lifestyle/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F-cold-brew-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD/ 

https://www.mangozero.com/difference-between-colddrip-and-coldbrew-coffee/ 

อ่านเพิ่มเติม
post
Cold Drip Coffee ค่อยๆ หยดทีละนิดจนได้กาแฟ 1 แก้ว

Cold Drip  คือ วิธีสกัดกาแฟผ่านเครื่องชงแบบเย็น ด้านบนเป็นโถใส่น้ำแข็งซึ่งมีวาวล์อยู่ด้านล่าง ส่วนตรงกลางเป็นกระบอกสำหรับใส่กาแฟบด ที่มีฟิลเตอร์สำหรับกรองน้ำลงมาในเหยือกที่รองรับน้ำกาแฟที่จะหยดลงมา โดยเวลาชงนั้นเป็นการเติมน้ำเย็นลงไป ใส่กาแฟบดลงไปในกระบอก แล้วปรับวาล์วให้น้ำเย็นค่อยๆ หยดลงมา ซึ่งในการชงกาแฟสกัดเย็นนั้นจะใช้เวลานานมาก เนื่องจากต้องค่อย ๆมีลักษณะเป็นการเติมน้ำเย็นลงก่อน ใส่กาแฟบดลงไปในกระบอก แล้วปรับวาล์วให้น้ำเย็นค่อย ๆ หยดลงมา การชง Cold Drip ใช้เวลานาน เนื่องจากต้องปล่อยให้กาแฟหยดลงมาอย่างช้า ๆ อาจใช้เวลานานถึง 12 – 14 ชั่วโมง จึงจะได้กาแฟ 1 แก้ว ทำได้กาแฟที่มีรสชาติดีกลมกล่อม หอม และหวานละมุนนุ่มกว่าเดิมเป็นพิเศษ 

.

.

Credit:

https://treescoffee.com/blog/2016/04/6-popular-methods-for-brewing-coffee-at-home/ 

https://th.wine-now.asia/blog/cold-drip.html 

อ่านเพิ่มเติม
post
Espresso กาแฟหลายสัมผัสในแก้วเดียว

เอสเพรสโซ่ (Espresso) คือ เมนูกาแฟชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลี เอสเพรสโซ่ เป็นภาษาอิตาลี มีความหมายเช่นเดียวกับ Express ในภาษาอังกฤษ ที่แสดงถึงความรีบเร่ง รวดเร็ว  โดยเราเรียกกาแฟเมนูนี้จากหลักการชงกาแฟที่มีการสกัดกาแฟด้วยแรงดัน ไอน้ำ หรือปั้มน้ำ เอสเพรสโซ่ดั้งเดิม ที่ทานกันในอิตาลีจะใช้กาแฟ 7-8 กรัม น้ำกาแฟหลังสกัด 25-30 ซีซี รวมครีม่า เวลาในการสกัด 20-30วินาที ส่วนประกอบของเอสเพรสโซ่ จะมีอยู่ 3 ส่วนคือ

  1. ครีมม่า ฟองสีทองด้านบน
  2. บอดี้ ส่วนของเหลวส่วนกลาง
  3. ฮาร์ท ส่วนของเหลวด้านล่าง 

 .

Credit:

https://home.howstuffworks.com/espresso-machine1.htm 

https://www.roastycoffee.com/coffee-espresso/ 

อ่านเพิ่มเติม
post
ปัญหาของกาแฟคั่วบด กับรสชาติเปรี้ยวนำที่นักดื่มไม่อยากเจอ !

เชื่อว่าคนที่เคยดื่มกาแฟสดเป็นประจำ แล้วหันมาทดลองชงกาแฟสดด้วยตัวเอง จะรู้สึกว่าทำไมหนอ…รสชาติของกาแฟที่ออกมานั้นไม่เหมือนกับรสชาติที่เคยลิ้มลองจากร้านกาแฟเลย บางครั้งจากรสชาติขมๆ ที่เราพอจะคุ้นลิ้น กลับเป็นรสเปรี้ยวนำที่ชวนทำให้กาแฟเสียรสเป็นอย่างมาก ปัญหานี้เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไป และเกือบทุกคนที่เป็นนักดื่มกาแฟสดก็จะต้องเคยมีประสบการณ์กันมาแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งนักชงในร้านกาแฟก็ยังเคยเจอกับปัญหานี้ เหตุผลที่กาแฟคั่วมีรสเปรี้ยว มาจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องของเมล็ดกาแฟ ไปจนถึงการชงเลยทีเดียว ส่วนขั้นตอนไหนจะเป็นสาเหตุ ก็ต้องลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟคั่วให้มากขึ้น

สาเหตุที่มักทำให้กาแฟคั่วมีรสชาติเปรี้ยวนำ

สาเหตุที่เป็นต้นตอหลักๆ รวมๆ ทั้งหมดที่ทำให้กาแฟมีรสชาติเปรี้ยว นั่นก็เป็นเพราะว่า Acidity ที่อยู่ภายในเมล็ดกาแฟ ซึ่งตัว Acidity นี้เองก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นโรบัสต้าหรืออาราบิก้าก็ตาม นอกจากนี้ยังพบรสชาติเปรี้ยวในสายพันธุ์ย่อยๆ ได้อีก แต่จะพบได้ในอาราบิก้าอย่างชัดเจน

ตัวการต่อมาที่ทำให้กาแฟรสเพี้ยนก็คือการ “แปรรูป” ตั้งแต่การเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเก็บเกี่ยวแบบแห้งหรือแบบเปียก ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ทว่าในความเปรี้ยวนั้นจะแตกต่างกันออกไปด้วย บางชนิดเปรี้ยวแค่จางๆ แต่บางชนิดเปรี้ยวมากจนเสียรสชาติ แต่ก็ยังมีความเปรี้ยวที่เปรี้ยวแต่อร่อยได้เหมือนกัน บางชนิดเปรี้ยวแล้วจบที่ความหวาน แต่บางชนิดก็เปรี้ยวแล้วจบที่ความเค็ม จะเห็นว่ารสชาติกาแฟมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก บวกกับปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้นักชงกาแฟจะต้องคอยหมั่นตรวจสอบรสชาติอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นมือใหม่หัดชง เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะทำให้รสชาติของกาแฟออกมาสมบูรณ์แบบ

การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วบดในแบบฉบับมืออาชีพ

เพื่อช่วยตัดปัญหากันตั้งแต่เริ่มต้น หากเป็นมือใหม่ก็อย่าเพิ่งซีเรียสจนเกินไปกับการชงกาแฟสดด้วยตัวเอง แต่ลองศึกษาและสังเกตไปเรื่อยๆ ว่ากาแฟแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ทั้งคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม หากเป็นนักคั่วกาแฟระดับโลก สิ่งสำคัญที่พวกเขาจะมองหา คือการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟจากแหล่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพื่อช่วยให้การคั่วง่ายขึ้น รสชาติที่ออกมาอยู่ในระดับ Perfect shot เมื่อดื่มแล้ว จะไม่ใช่แค่รสขมหรือกลมกล่อม แต่เราจะได้กลิ่นหอม รสชาติอื่นๆ ผสมผสานรวมตัวกันอยู่ในนั้นด้วย รสชาติเหล่านี้หากเป็นนักดื่มตัวยง เป็นคนที่พยายามสรรหากาแฟคุณภาพ มีความรู้เรื่องกาแฟอยู่มากพอ จะเข้าใจว่ากาแฟไม่ได้มีแค่รสขมหรือความหอมแบบเดียวกัน แต่มันกลับมีหลากหลายรสชาติที่ชวนน่าตื่นเต้นให้ได้ทดลองสัมผัสกันอยู่เสมอ

แต่เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องถึงขั้นซื้อหาเมล็ดกาแฟมาคั่วด้วยตัวเองให้ยุ่งยากขนาดนั้น เพียงแค่รู้จักการเลือกหาซื้อกาแฟคั่วบดที่มีคุณภาพมากพอ ซึ่งกาแฟที่ผ่านการคั่วมาดี จะคงรสชาติเปรี้ยวให้อยู่ในระดับพอดี ไม่โดดออกมาจนทำให้กาแฟเสียรสชาติ การคั่วจะไม่คั่วให้เข้มหรือมีความขมจนเกินไป เพราะเมื่อขมมาก ก็จะทำให้กาแฟมีกลิ่นไหม้ที่รุนแรง จนเสียรสหอมๆ ไปหมด แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่ากาแฟคั่วบดที่มีวางจำหน่ายมีคุณภาพตามที่กล่าวหรือไม่ ? ก็ให้ใช้วิธีเปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ ไม่มีรสเปรี้ยวหรือขมผสมกลิ่นไหม้รุนแรง

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนในการชงกาแฟก็มีผลต่อความเปรี้ยวเช่นกัน กาแฟคั่วบดที่เลือกมาควรผ่านอุณหภูมิประมาณ 88-94 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม สกัดกาแฟออกมาให้ได้รสชาติที่เยี่ยมยอด จากนั้นแช่กาแฟทิ้งเอาไว้สัก 4-5 นาที ก็เพื่อปรับรสชาติของกาแฟ

เนื่องจากกาแฟที่เพิ่งสกัดออกมาเสร็จยังร้อนๆ อยู่ จะมีรสชาติที่แตกต่างจากกาแฟที่มีอุณหภูมิลดลง การรอสักหน่อย จะช่วยลดความเปรี้ยวของกาแฟลงได้ ยิ่งหากกาแฟเย็นลงอีกนิด ก็ยิ่งช่วยให้ความอร่อยของกาแฟเพิ่มมากขึ้น ได้รสหวานโดดเด่นของกาแฟ และกลบความเปรี้ยวได้จนแทบไม่รู้สึกเลยทีเดียว

แหล่งที่มา : https://www.coffeefavour.com/acidity-in-coffee-been

อ่านเพิ่มเติม
post
เคล็ดลับการชงกาแฟ เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่อร่อยยิ่งขึ้น

เคล็ดลับการชงกาแฟร้อน กาแฟร้อน เป็นเครื่องดื่มเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ที่คนส่วนใหญ่ให้ความนิยมที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเช้าก่อนไปทำงานและช่วงหน้าหนาว เพราะกาแฟร้อนๆ จะช่วยคลายความหนาวเย็นได้ดี แถมกระตุ้นให้ร่างกายมีความพร้อมที่จะทำงานตลอดวันอีกด้วย ซึ่งเรามักจะเห็นได้เลยว่า ในช่วงเช้าร้านกาแฟส่วนใหญ่จะมีผู้คนคึกคักมาก ดังนั้นเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้าร้านของเรามากขึ้น จะต้องฝึกฝนฝีมือในการชงกาแฟให้อร่อยโดนใจกันแล้วล่ะ โดยมีเคล็ดลับในการชงง่ายๆ ดังนี้

1.เลือกแก้วกาแฟอย่างเหมาะสม

แก้วกาแฟ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้รสชาติของกาแฟอร่อยหรือกร่อยได้เหมือนกัน โดยแก้วที่เหมาะจะนำมาชงกาแฟมากที่สุดนั้น ก็คือแก้วที่สามารถรักษาอุณหภูมิความร้อนได้ดี เพราะจะไม่ทำให้รสชาติของกาแฟเปลี่ยน แถมได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นลองเช็คดูซิว่า แก้วกาแฟที่คุณใช้อยู่นั้น สามารถเก็บความร้อนได้ดีหรือเปล่า

2.เคล็ดลับเพื่อชงกาแฟสำเร็จรูป

สำหรับคนที่เร่งรีบและชอบความรวดเร็วมากกว่า โดยการเลือกดื่มกาแฟสำเร็จรูปแทนกาแฟชงทั่วไป ก็มีเคล็ดลับที่จะทำให้กาแฟสำเร็จรูปมีรสชาติที่อร่อยและหอมกรุ่นน่าทานยิ่งกว่าเดิมด้วย นั่นก็คือการพยายามรักษาอุณหภูมิของกาแฟไม่ให้เปลี่ยนไป เพื่อให้รสชาติยังคงเดิมและมีรสชาติดีขึ้นนั่นเอง ซึ่งก็สามารถทำได้ด้วยการอุ่นแก้วกาแฟให้ร้อนก่อน โดยการเทน้ำร้อนลวกแก้วกาแฟก่อน จากนั้นจึงชงกาแฟตามปกติ ก็จะได้รสชาติของกาแฟสำเร็จรูปที่อร่อยโดนใจแล้ว หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือการเติมเกลือป่นลงในแก้วกาแฟเล็กน้อย จะช่วยรักษารสชาติของกาแฟได้อย่างดีเยี่ยม ลองทำดูแล้วคุณจะพบกับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

3.เคล็ดลับการชงกาแฟดำ

หากใครที่ชอบดื่มกาแฟเข้มข้น อย่างกาแฟดำ ก็ต้องมาที่เคล็ดลับนี้กันเลย ด้วยการชงกาแฟในอัตราส่วน 1:2:2 ซึ่งก็การันตีเลยว่า คุณจะได้กาแฟดำที่มีรสชาติกลมกล่อมและน่าดื่มสุดๆ โดยการชงในอัตราส่วนที่ว่านี้ ก็คือใส่กาแฟ ดำ 1 ช้อน ต่อน้ำตาลทราย 2 ช้อนและครีมเทียม 2 ช้อนนั่นเอง หากต้องการเพิ่มปริมาณกาแฟดำมากขึ้น ก็ให้เพิ่มอัตราส่วนของน้ำตาลและครีมเทียมขึ้นไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล เพราะหากคุณชอบดื่มกาแฟดำที่มีรสชาติเข้มข้นมากๆ ก็อาจจะใส่กาแฟดำให้มากกว่าส่วนผสมอีกสองอย่างก็ได้ แต่ถ้าชอบรสชาติแบบหวานมัน พอดีๆ ก็ตามสูตร 1:2:2 กันเลย

แหล่งที่มา : https://www.coffeefavour.com/way-to-make-coffee/

อ่านเพิ่มเติม
post
Over-extracted และ Under-extracted กับความไม่สมบูรณ์แบบของ Espresso shot

Espresso เป็นกาแฟที่เรียกได้ว่าคือจุดเริ่มต้นของกาแฟชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคาปูชิโน่ อเมริกาโน่ หรือจะเป็นลาเต้ ก็ล้วนมีช็อตของ espresso เป็นส่วนประกอบหลักทั้งสิ้น ก่อนจะถูกนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้ได้รสชาติตามที่ต้องการ กาแฟสดจึงเป็นเครื่องดื่มที่คอกาแฟต้องการความพิถีพิถัน หากเป็นนักดื่มตัวยงแล้ว แน่นอนว่าต้องการ espresso ที่มีความสมบูรณ์แบบ ทว่าในการชง บางครั้งนักชงก็ต้องพลาดให้กับกาแฟถ้วยโปรด

รสชาติของกาแฟไม่มั่นคง อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง หรือมีรสชาติแปลกไปจากเดิม นั่นอาจจะมาจากปัญหาการชง espresso ที่ไม่สมบูรณ์แบบก็เป็นได้ ดังนั้นใครที่เป็นนักชง หรือกำลังจะเปิดร้านกาแฟ หรือชงกาแฟสดดื่มเอง อย่างได้ความอร่อยหอมนุ่มละมุนอย่างลงตัวของ espresso ที่เป็นตัวเริ่มต้นแล้วล่ะก็ ลองมาดูตัวการที่เป็นปัญหา ทำให้เกิดความเพี้ยนของรสชาติกาแฟในแต่ละแก้ว

ปัญหารสชาติช็อต Espresso เพี้ยน เกิดขึ้นจากอะไร ?

เมื่อสกัดกาแฟคั่วบดออกมาในแต่ละช็อต เราจะเรียกว่าช็อต espresso ในขั้นตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้รสชาติกาแฟแตกต่างกันออกไปในแต่ละแก้วด้วย เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์แบบของช็อตที่ได้ แนะนำว่าให้สังเกตด้วยสายตาตัวเองก่อนว่า espresso  ที่สกัดออกมานั้น มีส่วนใดขาดหรือเกินไปจากปกติหรือเปล่า ก่อนจะทดลองชิมดูว่ารสชาติลงตัว มีกลิ่นหอม ความขมในระดับที่เหมาะสม ในระดับที่จะกลายเป็น Espresso perfect shot

การสังเกตหลักๆ ให้ดูว่าในแก้วที่สกัดตัวกาแฟออกมานั้น ด้านจะมีสิ่งที่เรียกว่า “เครม่า” ลอยตัวอยู่ มีความหนาราวๆ ครึ่งหนึ่งของช็อตหลังการชงเสร็จใหม่ๆ จากนั้นก็จะยุบตัวลงไป ทว่าความเข้มข้นก็ยังเท่าเดิม ส่วนของเครม่าเป็นสัญญาณที่จะแสดงให้เราเห็นได้ง่ายๆ จากสายตาว่ากาแฟช็อตนั้นสมบูรณ์แบบมากน้อยแค่ไหน

หากเครม่าเป็นสีน้ำตาลทอง หรือเหมือนสีออกน้ำตาลทรายแดง ถือว่าเป็นกาแฟที่ดีแล้ว แต่หากเกิดความผิดเพี้ยนไป ก็อาจจะต้องมาลำดับขั้นตอนกันใหม่ว่าจุดไหนที่ทำให้กาแฟเกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟที่สกัดออกมา มีสิ่งที่ไม่ต้องการออกมาด้วย ส่งผลให้ espresso เกิดสิ่งที่เรียกว่า Over-extracted หรือการที่กาแฟถูกสกัดออกมามากจนเกินไป และอีกอย่างหนึ่งก็คือ Under-extracted  หรือกาแฟที่ถูกสกัดออกมาน้อยเกินไปนั่นเอง

ลักษณะของช็อตกาแฟที่ Over-extracted

กาแฟแบบ Over-extracted ดังที่กล่าวไปข้างต้นหมายถึงกาแฟที่มีการสกัดช็อต espresso ได้ไม่สมบูรณ์แบบ เป็นการสกัดที่มากจนเกินไป สังเกตภายนอกที่สีของเครม่าจะเข้มมาก มองเห็นจุดดำๆ ที่บริเวณผิวด้านบน แม้จะดูเหมือนเป็นสีเข้ม ทว่ารสชาติของกาแฟที่ได้กลับขาดความเข้มข้น มีกลิ่นเหม็นไหม้จนเกินไป

ส่วนรสชาติจะโดดมาที่ความขมมาก ทำให้รสชาติของกาแฟไม่อร่อย ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นได้ทั้งจากอุณหภูมิของน้ำที่สูงมากเกินไป ทำให้กาแฟคั่วบดถูก burn จนไหม้มากขึ้น แก้ไขได้ด้วยการปรับน้ำให้ร้อนพอดี ที่สำคัญเวลาที่ใช้สกัดนานมากเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหา Over-extracted ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นปัจจัยแวดล้อมอะไรที่ “มากเกินไป” ก็จะทำให้เราได้ช็อต espresso ที่ขมและเหม็นไหม้มากกว่าจะเป็นกลิ่นหอมนุ่ม

ลักษณะของช็อตกาแฟที่ Under-extracted

Under-extracted จะเป็นปัญหาที่ตรงข้ามกับกาแฟแบบแรก ซึ่งจะหมายถึงตัวกาแฟที่ถูกสกัดออกมาน้อยเกินไป เราจะสังเกตได้อย่างชัดเจนเลยว่าสีของเครม่าจะอ่อน มีความจาง การยุบตัวเร็ว ไม่มีความข้น หากลองชิมดูแล้วจะรู้สึกได้ถึงความเปรี้ยวนำที่ไม่ใช่รสชาติอร่อย แต่เป็นความเปรี้ยวที่ไม่ควรมีอยู่ในรสกาแฟ สาเหตุก็จะมีทั้งอุณหภูมิของน้ำเช่นกัน คือมีอุณหภูมิต่ำเกินไป ทำให้ไม่สามารถดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้เต็มที่ รวมถึงการใช้เวลาที่น้อยเกินไป กล่าวได้ว่าปัญหาของกาแฟ espresso ช็อตนี้ มักจะมาจากสิ่งที่เป็นปัจจัยแวดล้อมตรงข้ามกับ Over-extracted นั่นเอง

นอกจากนี้รสชาติที่ผิดเพี้ยน ทำให้ espresso ไม่ได้ช็อตที่อร่อยดั่งใจ อาจจะมาจากปริมาณกาแฟที่ใส่ลงไปมากหรือน้อยในขั้นตอนการอัดเข้าไปในเครื่องชง หรือจะเป็นการใช้แรงกด การบดเมล็ดกาแฟ ที่สัมพันธ์กับความละเอียดของรสชาติช็อตกาแฟที่ได้ทั้งสิ้น การจะสร้างสรรค์รสชาติที่ดีได้นั้น จะต้องรู้จักสังเกตเรียนรู้ ชิมกาแฟแต่ละช็อตแบบแก้วต่อแก้ เพื่อปรับเปลี่ยนรสชาติของกาแฟที่เป็นจุดเริ่มต้นของกาแฟชนิดต่างๆ ให้สมบูรณ์แบบที่สุดได้

แหล่งที่มา : https://www.coffeefavour.com/under-and-over-extracted-espresso-shot/

อ่านเพิ่มเติม